ขั้นตอนการ Install Oracle Database 11g ทำดังนี้
- ล็อคอินเข้าสู่ระบบโดยใช้ User ที่อยู่ใน Group ที่มีสิทธิ์ในการ Install และใช้งาน Oracle Database ได้
- ใส่แผ่น CD ที่จะทำการ Install จะมีหน้าต่าง Autorun ขึ้นมา
- ที่หน้า Configure Security Update จะมีให้ใส่ E-mail และ Oracle Support Password จากนั้นให้กด
Next แต่ถ้าไม่ต้องการใส่ให้ Uncheck เครื่องหมายถูกออกไป และปล่อยเว้นว่างไว้ทั้ง2 ช่อง จากนั้นกด Next ถ้ามีหน้าต่างเตือนให้กด Yes - ที่หน้า Installation Option ให้เลือก Create and configure a database จากนั้นกด Next
- ที่หน้า System Class เลือก Server Class จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Grid Option เลือก Single instance database installation จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Install Type เลือก Advanced Install จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Product Languages เลือกภาษาที่ต้องการเพิ่มเติม (นอกเหนือจาก English) จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Installation Location ปล่อยให้ค่าต่างๆเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Create Inventory ปล่อยให้ค่าต่างๆเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Create Inventory ปล่อยให้ค่าต่างๆเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Configuration Type เลือก General Purpose / Transaction Processing จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Database Identifiers ปล่อยให้ค่าต่างๆเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Nex
- ที่หน้า Configuration Options ที่แท็บ Memory ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default
- ที่แท็บ Character sets เลือก Choose from the following list of character sets และเลือก Thai TH8TISASCII จาก List
- ที่แท็บ Security ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default
- ที่แท็บ Sample Schema ถ้าต้องการสร้าง Sample Schema ให้ Check เครื่องหมายถูก ถ้าไม่ต้องการสร้างก็ไม่ต้อง Check เครื่องหมายถูกจากนั้นกด Next
- ที่หน้า Management Option ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Database Storage ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Backup and Recovery ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Schema Passwords เลือก Use the same password for all accounts จากนั้นให้ใส่ Password ที่ต้องการลงไป และใส่ Password เดิมซ้ำเพื่อยืนยัน
- ที่หน้า Operating System Groups ปล่อยให้ค่าเป็นไปตาม Default จากนั้นกด Next
- ที่หน้า Prerequisite Checks จะพบรายการที่ไม่ผ่านข้อกำหนดอยู่ ซึ่งถ้ารายการได้สามารถแก้ไขได้โดย OUI (Oracle Universal Installer) จะมีคำว่า Yes ต่อท้ายอยู่ที่ช่อง Fixable ถ้าต้องการให้ OUI ทำการสร้าง Script เพื่อทำการแก้ไขสามารถทำได้โดยกด Fix and check again
- หน้าต่าง Execute Fixup Scripts จะปรากฎขึ้นมา และแสดงวิธีการรัน Script แก้ไข
- เปิดหน้าต่าง Terminal ขึ้นมา (โดยไม่ต้องปิดหน้าต่าง Execute Fixup Scripts) และรัน Script ด้วย User : Root ด้วยคำสั่งต่อไปนี้
- กลับไปยังหน้าต่าง Execute Fixup Scripts และกด OK ถ้าไม่มีปัญหาใดตกค้างอยู่ ก็จะไปหน้าถัดไป แต่ถ้ามีปัญหาตกค้างอยู่ ให้สังเกตว่าจะไม่มีคำว่า Yes ที่ช่อง Fixable ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องลงมือแก้ไขด้วยตัวเอง ในตัวอย่างนี้มีปัญหาเกี่ยวกับ Package ที่ขาดหายไปดังภาพ แก้ไขโดยการ Install Package ดังกล่าวลงไป (อาจจะหาจากแผ่นที่ทำการ Boot Linux หรือหาโหลดตามเว็บต่างๆก็ได้ครับ) จากนั้นกด Check again
- ถ้าไม่พบปัญหาใดๆแล้วจะแสดงหน้า Summary จากนั้นกด Finish
- จะพบหน้าต่างแสดง Progress การ Install Oracle Database
- เมื่อในส่วนของ Software ถูก Install เสร็จแล้ว ในส่วนของ Database Configuration Assistant จะเริ่มและทำการสร้าง Database ให้
- เมื่อ Database ถูกสร้างเสร็จแล้ว กด OK
- จะต้องทำการรัน Script อีก 2 Script ด้วย User : Root
- เปิดหน้าต่าง Terminal ขึ้นมาแล้วใช้คำสั่งต่อไปนี้
- กลับมาหน้าต่างเดิมจากนั้นกด OK
- จะพบหน้าต่างแสดงการ Install และสร้าง Database เสร็จสมบูรณ์
su - root /tmp/CVU_11.2.0.0.2_oracle/runfixup.sh
su -/u01/app/oraInventory/orainstRoot.sh /u01/app/oracle/product/11.2.0/dbhome_1/root.sh
...เท่านี้ ก็ถือว่าการ install Oracle 11g เสร็จเป็นที่เรียบร้อยครับ
ไว้บทความหน้า ผมจะมาบอกวิธีการสร้าง Database โดยใช้ Database Configuration Assistant (DBCA) นะครับ
อ้างอิง
1 comment:
ต้อง setup อะไรบน OS บ้างครับ
Post a Comment